
เมื่อมองท้องฟ้า ยามค่ำคืน หลังบ้านตนเอง มองขึ้นไปเห็นดวงดาว ไม่มาก แต่วันนี้กลับนึกถึง สมัยที่ยังเป็นเด็ก ... ท้องฟ้าที่เรามองยามกลางคืน มองให้ไกลออกไป ไกลที่สุด สุดสายตาที่เราจะทำได้ และในช่วงเวลานั้นเอง เรามักจะเพลินกับจิตนาการ ในความมืด ของท้องฟ้า มีเพียงประกายแสง จากดวงดาว ระยิบระยับ อยู่ตรงหน้าของเรา มันเป็นความสุข ที่เราได้รับรสจากธรรมชาติที่เราร่วมอาศัย ในวัยเด็ก ผมมีหนังเรื่องหนึ่งที่สร้างความจดจำ และ ทุกครั้งที่หยิบหนังเรื่องนี้ขึ้นมาดูอีกครั้ง
ก็พบว่าความรู้สึกกลับไปสู่จินตาการในวัยเด็กอีกครั้ง หนังเรื่องนั้นชื่อ E.T. (the Extra-Terrestrial) ตอนนั้นที่ดูหนังเรื่องนี้ ผมยังเด็กอยู่ เรียนอยู่ชั้น ประถม ที่ จังหวัดราชบุรี จำได้ว่าเป็นปี ครบรอบ 200 ปี รัตนโกสิน (ภาพโปสเตอร์ หนังเรื่อง E.T. กับเด็กที่ปั่นจักรยาน BMX ในตอนนั้นจักรยานชนิดนี้ดังมาก และเกิดเป็นสินค้าที่ขายดีต่อมา ระบาดในประเทศไทย กับวัยเดียวกันที่ต้องอ้อนทางผู้ปกครองซื้อให้มาขี่เล่นกัน ในความเห็นส่วนตัวโปสเตอร์ นี้ classic มากครับ )
ผมไม่ได้มีโอกาสไปดูในโรงหนัง แต่สมัยนั้นมี VDO แล้ว ที่บ้านซื้อมาในราคาแพงมาก และ ปัจจุบัน เครื่องเล่น VDO ตัวนั้นก็ยังอยู่ที่บ้าน ชังทนทานจริงๆครับ ถึงแม้ ทุกวันนี้จะใช้ไม่ได้แล้ว และหาเทปหนัง VDO ไม่มีแล้วในสมัยนี้ ผมดูหนัง E.T. ใน VDO ที่บ้าน เช่ามาดู บอกได้ว่าตอนนั้นดูไม่ค่อยรู้เรื่องนัก รู้แต่ว่าช่วงนั้นหนังเรื่องนี้ดังมากครับ และผมก็กลับมาดูหนังเรื่องนี้อีกครั้งสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ดูในช่วงฤดูร้อน และดูเสร็จไปมองดูบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ฤดูกาลที่เปลี่ยน กลางคืน ของหน้าหนาว ก็เป็นอีกอารมณ์ ฤดูร้อน และ ฤดูฝน ก็อีกอารมณ์ สำหรับผมแล้ว ชอบมองท้องฟ้ายามค่ำคืน ฤดูร้อน ครับ เพราะมันได้รับสายลมที่พัด เข้าใส่ตัวเรา สายลมหน้าร้อน มันเป็นลมเย็นสบาย ในตอนนั้นดูอย่างละเอียดกับหนังเรื่องนี้ และคิดว่าทำไม ถึงทำให้คนทั่วโลก ติดในมนต์ตรา เนื้อหา และเอกลักษณ์หนังเรื่อง E.T. ได้ ผมจึงคิดว่าคงเป็นเพราะความไร้เดียงสา ของเด็ก ตัวเอกของเรื่องที่แปลกกว่าหนังเรื่องอื่นๆ ในสมัยนั้น นั่นคือมนุษย์ต่างดาว ส่วนประทับใจหนังเรื่องนี้ก็คงเป็นเรื่อง ความรัก ที่ไร้เดียงสา รักที่ไม่หวังผลต่อแทน แต่เป็นการตอบแทนที่ช่วยเหลือเพื่อให้เพื่อนรักต่างเผ่าพันธ์ ได้มีชีวิตรอด และกลับบ้านได้ มันน่าเอ็นดูมากครับ สุดท้าย ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่อยู่ร่วมกัน ระหว่างคน กับ มนุษย์ต่างดาว เกิดความผูกผัน ที่ไม่รู้ลืม มันเป็นช่วงเวลาที่มีค่าและควรจดจำ ด้วยเหตุนี้กระมัง ที่ทำให้หนังเรื่องนี้อยู่ในความทรงจำของหลายๆ คนเช่นกัน
และทั้งหมดนี้ ก็คือ ความรัก ที่มีความไร้เดียงสา และไม่หวังผลตอบแทน นั่นเอง
และในคืนนี้ เมื่อผมมองดูท้องฟ้ายามกลางคืน ก็ด้วยความนึกถึงหนังเรื่องทั้ง 2 เรื่องนี้ได้ เป็นความในใจ ที่อยากจะบอกในค่ำคืนนี้
ทิ้งท้าย blog นี้ด้วยเพลง A man I'll never be ของ Boston ลองฟังดูครับ
1 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น