Pages

วันอาทิตย์, พฤษภาคม 16

ยุทธวิธีฮันนีบาล


บุคคลในประวัติศาสตร์อีกคนหนึ่งที่ควรนำมาพูดถึงโดยเฉพาะในสถานะการณ์ปัจจุบันคือ " ฮันนีบาล บาร์กา "
ฮันนีบาล เป็นนักยุทธศาสตร์ ที่นำกำลังสองหมื่นหกพันคนเข้าตีกรุงโรมที่มีทหารเจ็ดแสนห้าหมื่นคนได้

ฮันนีบาลอยู่ที่กรุงคาร์เทจ ซึ่งอยู่ทางเหนือของแอฟริกา ซึ่งเมื่อก่อนคุณพ่อของฮันนีบาลได้แพ้ให้กับกรุงโรม ซึ่งก่อนหน้านั้นเมืองคาร์เทจเป็นเมืองที่ยิ่งใหญ่ .. เมื่อได้พ่ายแพ้กับกรุงโรมเมืองคาร์เทจก็คับแค้น แต่ตนเองก็ไม่มีกำลังพอที่จะไปสู้กับกรุงโรมได้ เมื่อฮันนีบาลเติบโต ก็มีวิสัยทัศน์ว่าจะแกล้งแค้นนำความยิ่งใหญ่กลับมาสู่คาร์เทจ โดยบอกกับผู้คนที่นับถือว่า "ไปร่วมปล้นกรุงโรม" โดยการชวนชนเผ่ายากจนทั้งหลาย ว่าไปร่วมปล้นกรุงโรมกัน โดยจะสร้างชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นจากความยากจน

เนื่องจากมีทหารที่ฮันนีบาลคุมอยู่นั้นมีปริมาณน้อย ฮันนีบาลจึงว่ายุทธศาสตร์ว่า "ต้องรบในบ้านศัตรู" เพื่อที่ศัตรูที่มีจำนวนมากกว่าจะได้ กังวล ละล้าละลัง ไม่รู้จะป้องกันที่ไหนก่อนหลัง

ฮันนีบาลใช้วิธีนำกำลังทัพผ่านทางเข้ากรุงโรมโดยทางเท้าภาคพื้นดิน แทนที่จะผ่านทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งส่วนนี้กองกำลังของโรมมันคุมพื้นที่ไว้ได้หมด ก็เปลี่ยนแนวทางเป็นการเดินทัพด้วยเท้า ภาคพื้นดิน ข้ามสเปน ผ่านช่องแคบยิบรอลตาร์ เข้าสู่เยอรมันในปัจจุบัน

นอกจากกองกำลังของฮันนีบาลจะใช้ชนเผ่ายากจนที่มาตามต่างจังหวัดแล้ว ฮันนีบาลยังได้จ้างทหารม้ารับจ้างที่ใช้ม้าเร็วในการศึก เรียกว่า โจรรูมิเดีย ประมาณหมื่นคน โดยการจ้างครั้งนี้มีสัญญาว่าหากปล้นกรุงโรมได้เมื่อไหร่ จะแบ่งทรัพย์สมบัติกันครึ่ง - ครึ่ง

ที่ฮันนีบาล จ้างทหารม้ารับจ้าง หรือ โจรนูมิเดียน ก็เพราะว่าการเคลื่อนที่ได้เร็ว นำไปสู่การสร้างความปั่นป่วนได้เร็ว มิได้เป็นเป้านิ่ง ปั่นป่วนไปตามจุดต่างๆ ซึ่งได้สร้างปัญหาและความเสียหาย ให้กับกรุงโรมเป็นอันมาก ที่ใช้กลวิธีนี้ก็เพราะหากใช้ทหารราบ จะเคลื่อนที่ช้า และกรุงโรมมีทหารราบเยอะกว่าหากปะทะกันก็จะสู้กองกำลังโรมมันมิได้

และฮันนีบาลได้มีการสร้างไส้ศึกในกองทัพของกรุงโรม เพื่อได้ข่าวสารการวางแผนและข้อมูลอื่น
หากจะสรุปสูตรสำเร็จของฮันนีบาล ก็คือ
1. การรวมชนเผ่าที่ยากจน จากต่างจังหวัดมาร่วมในกลุ่มเพื่อใช้ในการต่อสู้
2. การว่าจ้างทหารรับจ้าง
3. การสร้างไส้ศึกในกรุงโรม

จากนั้นฮันนีบาลก็ทำการยั่วยุชาวบ้าน ฆ่าชาวบ้าน ในกรุงโรม เพื่อเหตุผล 3 ประการ
1. การเผาทำลายสถานที่สำคัญ ฆ่าชาวบ้านบริสุทธิทำให้ชาวบ้านหวาดกลัว และไม่กล้าต่อสู้ และไม่กล้าเป็นพวกของรัฐในกรุงโรม
2. ทำให้กองทัพที่ฮันนีบาลคุมนั้น มีความมั่นใจ มีขวัญและกำลังใจ ว่าตนเองเป็นใหญ่
3. ทำให้กฏต่างๆที่วางไว้ก่อนหน้าในกรุงโรมนั้นไม่มีค่า ไม่มีความหมายอีกต่อไปแล้ว
ทำให้มีความรู้สึกว่ากองทัพของฮันนีบาลเป็นผู้กำหนดว่าใครจะอยู่ใครจะตายภายใต้รัฐนี้
ทำให้เกิดภาวะ " Failed state " หรือที่เรียกว่าการล้มเหลวของรัฐ ที่ไม่สามารถควบคุมสถานะการณ์ได้ภายใต้กฏหมาย

ทั้งหมดนี้คือการเปลี่ยนความเชื่อ และทำเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าอำนาจมันถูกเปลี่ยนแปลงไปแล้ว กฏหมายใช้ไม่ได้ สถาบัน สัญลักษณ์ต่างๆใช้ไม่ได้

ทำให้ฮันนีบาลชนะมาโดยตลอด แต่ ...

ในที่สุดกองทัพโรมันที่นำโดย สกีปีโอ อาฟรีกานุส (Scipio Africanus) ซึ่งเป็นลูกของแม่ทัพคนหนึ่งที่ฮันนีบาลได้ฆ่าในศึกก่อนหน้า ได้ศึกษาและเรียนรู้ยุทธวิธีของฮันนีบาล จึงจับประเด็นได้ว่า สิ่งที่ควรทำอันดับแรกคือ ต้องกำจัดไส้ศึกในกรุงโรมที่ฮันนีบาลได้นำมาฝังไว้ก่อน
จากนั้นให้ตัดท่อน้ำเลี้ยง โดยตัดเงินให้กับสภาเมืองคาร์เทก พอคาร์เทกไม่มีเงินเข้ามาหมุนก็ทำให้ฮันนีบาลไม่สามารถจ้างทหารรับจ้าง (โจรนูมิเดียน) ซึ่งทำให้ทหารรับจ้างนั้นไม่สามารถมาสมทบกับกองทัพฮันนีบาลได้ โจรที่มาร่วมปล้นพอไม่ได้มาเงินก็เลิกทำงานให้
จากนั้นสกีปีโอ ได้เข้านำกองทหารโรมันไปจับกุมแกนนำ ของฮันนีบาล (แกนนำตัวจริง) และตลบหลังจ้างโจรนูมิเดียนโดยให้ค่าตอบแทนที่ดีกว่าฮันนีบาล โดยให้โจรรูมิเดียเข้าปล้นเมืองคาร์เทกแทน
การรบจาก 40 ครั้งฮันนีบาลชนะหมดแต่ไม่สามารถยึดกรุงโรมได้ และในครั้งนี้จากการนำทัพของสกีปีโอ รบกันเพียงครั้งเดียวแล้วจบเลยนั้นทำให้กองกำลังของฮันนีบาลสลายทัพหมดได้

แผนของสกีปีโอ หากสรุปคือ สกีปีโอ ไม่ได้สนใจชนเผ่ายากจนที่ฮันนีบาลเกณฑ์มาจากต่างจังหวัดเลย แต่กลับไปตัดท่อน้ำเลี้ยงเงินสนับสนุนทหารรับจ้าง (โจรนูมิเดียน) จากนั้นก็จับแกนนำในกองทัพฮันนีบาลให้ได้ เมื่อแกนนำถูกจับ ชนเผ่ายากจนที่ร่วมทัพกับฮานีบาลก็แยกย้ายกลับถิ่นฐานตามต่างจังหวัด ฮันนีบาลได้พ่ายแพ้ และหนีไปยังต่างประเทศ และมาส้ินชีพที่ตุรกี จากนั้นโรมก็ทำให้เมืองคาร์เทกสูญหาย ไม่มีในแผนที่อีกต่อไป ...



นนทวรรธนะ สาระมาน
Nontawattana Saraman

วันเสาร์, พฤษภาคม 1

เพื่อเมืองไทยคุณจะทำอะไร ?

เมื่อย้อนอดีตไป สักปี คศ. 1993 หรือประมาณ ปี พศ. 2536 มีโฆษณาอันหนึ่ง ที่ทำให้คนดูโดยเฉพาะเยาวชนในช่วงเวลานั้น มีความรู้สึกร่วมอยากเป็นแรงกำลังหนึ่งที่ช่วยพัฒนาประเทศไทยให้ก้าวหน้า
โดยใช้เพลงชื่อ เพื่อเมืองไทย ด้วยใจและใจ .. ต้องขอบอกก่อนว่าไม่ต้องการโฆษณาอะไร แต่อยากให้ฟังเพลงและเนื้อหาของโฆษณานี้กับสถานะการณ์ในปัจจุบัน รถไฟขบวนหนึ่ง ที่มีหนุ่มสาวบนรถไฟ และเส้นทางที่ต้องร่วมกันเดินทาง บางครั้งเส้นทางอาจจะมืดเพราะต้องเข้าอุโมงค์ สลับกับแสงสว่างหลังหลุดพ้นอุโมงค์ แต่ถึงอย่างไรพวกเราก็ต้องร่วมเดินทางด้วยกัน และแน่นอนจุดหมายปลายทางของแต่ละคนในขบวนรถไฟนี้อาจจะแตกต่างกันได้ .... ลองเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ปัจจุบันที่ยังไม่มีทางออกสำหรับประเทศไทยในเวลานี้ดู บางทีแสงสว่างจากปลายอุโมงค์จะนำพาให้ประเทศเรากลับสู่ภาวะปกติได้หากทุกคนร่วมมือกัน ..



ที่หยิบยกตัวอย่างจากโฆษณานี้มาก็เพราะมีความเชื่อมั่นในชาติไทย อยู่และเชื่อว่าปัญหาต่างๆ แก้ไขได้

ในส่วนตัวเชื่อว่า หากเราเป็นคนไทย คงไม่มีใครไม่หวังดีกับประเทศ
คงไม่มีใครอยากเห็นการทำร้ายคนไทยด้วยกันเอง
และคงไม่มีใครอยากทำร้ายประเทศ ที่เราต้องอยู่อาศัย


ขอสนับสนุนการใช้สติแก้ไขปัญหา หยุดการนำเสนอข้อมูลที่จะทำให้คนไทยเกลียดชังกันเอง
และยุติปัญหาโดยไม่ใช้ความรุนแรง

"เราควรใช้วิกฤตช่วงนี้มาสร้างโอกาส"

ทุกภาคส่วน ที่มีความเห็นไม่ลงรอยกันมานั่งคุยกันเพื่อเสนอแนวทางที่ทุกฝ่ายเราเดินทางร่วมกันได้ โดยเริ่มจากตัวเราเองก่อน ทำการเปิดใจให้กว้าง ลดอัตตาของตนเองลง เพื่อรับฟังความคิดเห็นรอบด้าน ในการหาจุดร่วมกัน และเมื่อทุกคนเริ่มเปิดใจ จะนำมาสู่การออกแบบประเทศไทยร่วมกัน เพื่อให้ประเทศไทยแข็งแรงขึ้น ด้วยแรงใจ ด้วยพลังสติและด้วยพลังปัญญาของคนไทยทุกฝ่าย เพื่อให้เมืองไทยก้าวพ้นวิกฤต กลับมาสู่ความปกติสุข และเกิดความเจริญก้าวหน้าต่อไปในอนาคต สู่รุ่นลูกรุ่นหลานของเรา บนผืนแผ่นดินที่เราดำรงชีวิตอยู่สืบไป

ไม่มีอะไรที่สายเกินไป ทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ หากใช้สติของตัวเราเอง

นนทวรรธนะ สาระมาน
Nontawattana Saraman